ยอดมนุษย์ อุลตร้าเซเว่น Ultra Seven

ของฝากจากญี่ปุ่น แกะกล่องออกมาเป็น อุลตร้าเซเว่น ถูกสัตว์ประหลาดทับ ตัวลับ ๑ ใน ๒ จากทั้งหมด ๗ ตัวในเซ็ท Ultraman Panorama Fight round 2 ผลิตโดย Bandai และเป็นอุลตร้าตัวเดียว ที่พอจะำจำได้รางๆ ว่าเคยดูทางโทรทัศน์ นอกนั้นก็ไม่มีความรู้สึกร่วมเท่าไร

ขอกล่าวถึง คดีความ หนังสือสัญญายกสิทธิ์ อุลตร้าแมน นอกประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง โนโบรุ ซึบูราญ่า (เสียชีวิตแล้ว) - บริษัท ซึบูราญ่า โปรดักชั่นส์ กับ คุณสมโพธิ แสงเดือนฉาย บริษัทไชโย ภาพยนตร์ ที่ยืดเยื้อยาวนาน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ ศาลชั้นต้น-ศาลอุทธรณ์ ของญี่ปุ่น ยืนยันให้ไทยชนะคดีความ รับรองเอกสารสัญญา ได้สิทธิ์นอกญี่ปุ่นทั่วโลก รวมทั้งศาลฎีกาที่ยืนตาม ไม่รับคำร้องฎีกา จบเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ โดยให้น้ำหนักกับ ตราประทับ แต่ก็มิให้กล่าวอ้างว่าเป็นผู้ออกแบบ ซึ่งผู้ออกแบบอย่างเป็นทางการ น่าจะชื่อ อ.โทรุ นาริตะ (เสียชีวิตแล้ว และมีคดีฟ้องร้องกับ ซึบูราญ่า เช่นกัน) ส่วนศาลชั้นต้นของไทย ก็ตัดสินไปในทางเดียวกัน เว้นแต่เพียง ศาลฎีกา ที่ตัดสินตรงกันข้าม ให้สิทธิ์ทั้งหมด เป็นของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ โดยไม่มีข้อกฏหมายเรื่อง ตราประทับ ไม่รับรองหนังสือสัญญา และมองว่า เอกสารมีพิรุธ หลายอย่าง ทั้งลายเซ็นต์ ชื่อเรื่อง จำนวนตอน หัวจดหมาย ชื่อบริษัท การขายสิทธิ์ซ้ำซ้อน จึงน่าจะเป็นของปลอม

โดยส่วนตัว โน้มเอียงไปทาง คำตัดสินของศาลญี่ปุ่น ที่ให้คุณสมโพธิได้สิทธิ์ และผลประโยชน์ นอกประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่ผู้ออกแบบ (อาจจะมีส่วน ช่วยเสนอแนวคิด ถ้าจะให้เครดิตกัน) ส่วนเรื่องหนังสือสัญญา ดูเหมือนจะถูก คนตั้งใจทำสัญญาให้มีพิรุธ เพื่อให้ใช้การไม่ได้ ยกให้หลอกๆ ถ้าคุณสมโพธิจะทำปลอม ก็น่าจะเขียนชื่อเรื่อง และตอนต่างๆ ให้ครบถูกต้อง เขียนผิดๆ ทำไม? (เช่น หนุมาน เขียนเป็น Haluman)
สุดท้าย นี่ก็เป็นเพียง เรื่องผลประโยชน์ ของคนสองกลุ่ม แต่ก็มีกองเชียร์ ผู้อาจหาญ และเก่งกล้า (ในโลกของอินเตอร์เน็ต) ที่ดูเหมือนจะเจ็บปวด รวดร้าว ยิ่งกว่าคู่กรณี ตอบโต้กัน ผ่านตัวอักษรบนเว็บบอร์ด อันเกิดจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และผ่านการตีไข่ใส่สี รวมถึงความเข้มงวด การจับกุมร้านค้าโดยฝ่าย บริษัทไชโย น่าจะทำให้มีคนเกลียดชัง ต่อต้านมาก (กองเชียร์ คิดเห็นต่างกันได้ แต่ไม่ควร ว่ากล่าว ให้ร้าย ด่าทอ ด้วยข้อความที่รุนแรง เช่นนี้ ศาลว่าอย่างไร ก็จบตามนั้น คู่กรณีเขาหาวิธีเกลี่ยผลประโยชน์กันต่อไป)

สรุปว่า เมืองไทยเป็นดินแดน (แห่งอะไรดีล่ะ?) แห่งเดียวในโลก ที่อุลตร้าแมนเก่า (๘ ตัว ก่อนปี ๒๕๑๙) ไม่สามารถมาเหยียบย่าง หาผลประโยชน์ ได้อย่างถูกกฏหมาย เพราะผลการตัดสินคดีของสองประเทศ ขัดกัน (ถ้าหากจะมีการฟ้องร้องกันต่อไป ในอนาคต) สุดท้าย คุณสมโพธิ น่าจะต้องขายสัญญานั้น ไปให้ผู้อื่น ฟ้องร้องกันต่อ หรือขายคืนให้ ซึบูราญ่าไป (ถ้าตกลงราคากันได้)

• ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๓ (ค.ศ. 2000) ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษาให้ สมโพธิ แสงเดือนฉาย ชนะคดี และมีสิทธิตามสัญญาทุกประการ โดยพิพากษาให้สัญญาดังกล่าว เป็นสัญญาโอนลิขสิทธิ์ให้แก่ สมโพธิ และให้บริษัท ซึบูราญ่า โปรดักชั่นส์ จำกัด หยุดการกระทำละเมิดสิทธิของ สมโพธิ และให้ชำระค่าเสียหายแก่ สมโพธิ เป็นเงิน 12,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ณ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ
• ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖ (ค.ศ. 2003) ศาลชั้นต้นศาลแขวงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตัดสินให้ สมโพธิ แสงเดือนฉาย มีสิทธิตามสัญญาทุกประการ (ผลออกมา ทิศทางเดียวกับ ศาลไทย)
• ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ (ค.ศ. 2003) แถลงข่าว "ชนะคดีลิขสิทธิ์อุลตร้าแมน นอกประเทศญี่ปุ่น ในศาลญี่ปุ่น" ของคุณสมโพธิ ณ ศาลสูงโตเกียว
• ๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ (ค.ศ. 2004) ศาลฎีกา ญี่ปุ่น ไม่รับฏีกาคดีนี้ ให้ยืนตามคำตัดสินของ ศาลอุทธรณ์ ญี่ปุ่น เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการศาลของญี่ปุ่นทั้งหมด
• ๒ เมษายน ๒๕๕๐ (ค.ศ. 2007) ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ตัดสินให้ สมโพธิ แสงเดือนฉาย ได้รับสิทธิเฉพาะในผลงานภาพยนตร์ 9 เรื่อง โดยไม่รวมถึงคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์ และอุลตร้าแมนตัวใหม่ อุลตร้าแมนมิลเลนเนียม ด๊าร์กอุลตร้าแมน และอุลตร้าแมนอีลิท เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
• ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ (ค.ศ. 2008) ศาลฏีกา ไทย ตัดสินให้ ซึบูราญ่า ชนะคดี